วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Fly me to Jeju - Part 6 ช๊อปๆๆ และยงดูอัมร็อค โขดหินรูปมังกร -

ตอนที่แล้ว Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 5 ซอฟจิโกจิ พุลโกกิ Pony Valley หมู่บ้านวัฒรธรรมซองอับ -

ศูนย์โสม

ตามที่บอกไว้หนก่อนว่าต่อไปเราจะไปเสียเงินกันรัวๆค่ะ เริ่มกันที่ศูนย์โสมเลย จะไปโซลหรือเจจูก็เจอศูนย์โสม โสมที่ขายที่นี่เป็นโสมอายุ 6 ปีกินแล้วไม่ร้อนค่ะ กรรมวิธีขายเหมือนเดิม บรรยายสรรพคุณให้ชิมและบอกโปรโมชั่น ใครสนใจก็ซื้อได้เลยราคาไม่แรงเท่าสนเข็มแดง

Midam Cosmetic

ขับรถมาอีกนิดเดียวก็มาถึงศูนย์เครื่องสำอางค์ Midam นี่ก็มีทั้งโซลทั้งเจจูเช่นกันค่ะ คสอ.ตัวดังๆคือครีมน้ำแตก, BB cream, ครีมขัดผิว ของDR.MJ, Closee พวกนี้โปรโมชั่น 6 ชิ้น 190,000 วอนพร้อมของแถม นอกจากนี้ก็มีแป้งม้าโยก (ถ้าแบบแป้งฝุ่นราคาขายแพ๊ค 3 ตลับ 29,400 บาท) และอื่นๆอีกนิดหน่อยค่ะ เล็กกว่าโซลแต่ตัวหลักก็ก็มีครบ ซื้อแค่ตัวหลักก็ได้ ส่วนที่เหลือไปซื้อจุดอื่นต่อจะหลากหลายกว่า

หมูย่างคาลบี้ (Kalbi)

จับจ่ายไป 2 ที่ก็จบวันนี้ด้วยเมนูหมูย่างชิ้นใหญ่ๆที่มาพร้อมกับกรรไกรเพื่อตัดให้พอดีคำ ถ้าเป็นที่โซลเมนูนี้จะอยู่ก่อนไปเอเวอแลนด์ค่ะ กลิ่นแรงแต่อร่อยมาก รสเข้มข้น แต่ที่เกาะเจจูนี่คาลบี้คนละสูตรกันเลย ค่อนข้างจืดแถมยังต้มมาแล้วอีกต่างหาก พอเอามาย่างอีกเนื้อหมูเลยแห้งเกินไป หมูนี่จะมาพร้อมไขมันที่หนามากๆๆๆๆๆ บางชิ้นมีแต่มัน ถ้าไม่ชอบก็ตัดทิ้งค่ะไม่ต้องกิน แต่แนะนำให้ย่างพร้อมๆกันก่อน ถ้าย่างแบบไร้มัน เนื้อหมูจะแห้งมากๆ



ในที่สุดวันสุดท้ายก็มาถึง วันนี้ก็ยังเน้นช๊อปปิ้งเหมือนเดิม ที่เที่ยวเดียวที่ไม่ใช่ช๊อปปิ้งคือเขาหัวมังกร เราตื่นเช้ามาเก็บกระเป๋าลงมาด้วยเลย พร้อมคืนกุญแจ อาหารเช้ายังคงเป็นที่โรงแรมเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากแฮมมาเป็นเฟรนฟราย กลายเป็นกินแป้งเยอะแบบงงๆ เหลืองไปทั้งจานเลย

วันนี้ใครมีเหรียญต้องทยอยใช้ให้หมดแล้วค่ะ เพราะแลกกลับเป็นเงินไทยไม่ได้

สตาร์บัคไม่เกี่ยวนะคะ ซื้อเองๆ ^^

เดินออกมาชมสวนส้มซะหน่อย ที่เกาะเจจูนี่เค้าปลูกส้มกันเยอะมากๆค่ะ เค้าจะปล่อยให้มันสุกจนหล่นลงพื้นเป็นปุ๋ยไป แล้วค่อยรอเก็บเกี่ยวช่วงเดือนธันวาคมซึ่งส้มจะอร่อยที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าเราจะไปเด็ดของเค้าได้นะคะ ของๆคนอื่นแค่ดูก็พอเนอะ  เมืองนี้เค้าไม่กั้นรั้วบ้านแต่จะใช้หินภูเขาไฟมาเรียงๆแทน(ไม่อัดปูนด้วย) เราเลยได้ใกล้ชิดส้มเค้าแบบนี้หละค่ะ 

ส้มที่ขึ้นชื่อของเค้าคือส้มฮัลลาบม วิธีสังเกตุคือพันธ์ุนี้จะมีจุก (ไกด์บอกค่ะ เราไม่ได้ดูเลย)



 ฮอกเกนามู ละลายเงินวอน

เอากระเป๋าขึ้นรถเสร็จแล้วก็ไปช๊อปกันต่อจ้า ที่แรกอยู่รวมกันเลยคือ ฮอกเกนามู มีสรรพคุณสลายไขมันและสารพิษทำนองนั้นค่ะ ไม่ได้ฟัง 555+ เค้าจะสาธิตโดยเอาเม็ดโฟมใส่ในน้ำแล้วใส่ผงฮอกเกนามูลงไปแล้วเขย่าๆๆ ให้เห็นว่าผงนี้ไปดึงและสลายไขมันออกมาจากเม็ดโฟมได้ ประมาณนั้นค่ะ ได้ดูหนแรกก็ตื่นตาดีแต่พอดูบ่อยเริ่มเบื่อ ความสนใจเราไปอยู่ที่ชั้นล่างแทนแล้ววววว

ชั้นล่างของตึกเดียวกันนี้คือร้านละลายเงินวอนค่ะ ไม่ใหญ่เท่าที่โซล แต่ก็พอมีๆ แบ่งเป็น 3 โซนใหญ่ๆคือเครื่องสำอางค์ อาหาร และเครื่องใช้ในบ้าน

เครื่องสำอางค์นี่จะเน้นโลชั่นต่างๆมากกว่าค่ะ แบบแต่งหน้ามีน้อยหน่อย เฉพาะตัวที่ทัวร์ชอบซื้ออย่าง Oh my eye, tint ดินสอเขียวคิ้ว, Proof10, cookie brush ถ้าเจอที่ตั้งใจซื้อก็ซื้อที่นี่ก่อนเลย แล้วค่อยไปเก็บตกที่เหลือในร้านที่ดาวน์ทาวน์นะคะ ดาวน์ทาวน์ร้านเล็ก ทัวร์ลงเยอะๆของอาจหมด ส่วนขนมเด่นๆมีช็อกโกแลตส้ม บราวนี่ ลูกอมส้ม หลายๆอย่างโปรโมชั่น 5 แถม 1 ค่ะ นอกจากนี้ก็มีมาม่าเกาหลีแบบเส้นดำ/แบบเผ็ด (แต่ไม่เห็นมาม่าชีสเลยนะ ในมินิมาร์ทก็ไม่เห็นค่ะ สงสัยเกาหลีจะเลิกฮิต ไม่ก็ชาวเกาะเจจูไม่ฮิตเนี่ยหละ)


เครื่องใช้ไกด์แนะนำลูกบอลซักผ้า ที่เกาหลีเค้านิยมไม่ใช้ผงซักฟอกกันเพราะมีอยู่ช่วงนึงเด็กเกาหลีแพ้ผงซักฟอกเลยเปลี่ยนวิธีซักไปเลย กระทะเทฟลอนก็ถูกค่ะ แต่ที่แพงเลยคือหม้อหุงข้าวแบบหินภูเขาไฟ เค้าบอกว่ามันเก็บความร้อนได้และไม่ทำให้ข้าวไหม้ติดก้นหม้อ อันนี้เราไม่ได้ซื้อมาลองค่ะ จริงมั้ยนี่ไม่รู้นะ เจอของพรีเมี่ยมพวกศิลปินเกาหลีด้วย หนักไปทาง G-dragon กับ Girls day แต่ก็มี SNSD นะ

ช๊อปตรงนี้เสร็จเค้ามีบริการแพคกล่องให้เลยค่ะ จะได้โหลดขึ้นเครื่องได้ เรื่องน้ำหนักไม่ต้องห่วง เพราะเป็นเครื่องเหมาลำของทัวร์ ก็เฉลี่ยน้ำหนักกันไปทั้งเครื่องค่ะ

ตรวจดูบิลกันด้วยนะ เผื่อเค้าคิดผิดโดยเฉพาะพวก 5 แถม 1 ค่ะ ตอนนั้นเค้าคิดผิดคิดเงินอันที่ 6 มาด้วย มาเจอทีหลังลำบากไกด์ตี๋ อุตส่าห์สำรองเงินให้ก่อน แล้วค่อยไปเคลียร์ให้ น่ารักที่สุดอะ (ถ้าใครเงินวอนหมดตูดแล้ว ถามแลกจากไกด์ได้ค่ะ เอาไว้ไปช๊อปต่อข้างหน้า บางร้านในเมืองเค้าไม่รับบัตรเครดิต)

Jim-Dak (เมนูสุดท้ายกับทัวร์)

ช็อปเสร็จก็หมดเวลาช่วงเช้าแล้วค่ะ 555+ ไปเติมพลังเตรียมช็อปต่อกันกับเมนูไก่ จะเป็นหม้อสุกี้ที่เน้นไก่ ผัก วุ้นเส้น รสชาติคล้ายๆต้มจับฉ่ายบ้านเรา แต่รสอ่อนกว่าค่ะ



ถ้าไปร้านเดียวกับเราเนี่ย ร้านนี้จะมีเนื้อ/หมูสไลด์ขายเป็นเซ็ทด้วยค่ะ มาแบบพูนๆน่ากินมากกกก เราเห็นจากกรุ๊ปทัวร์จีนที่เค้าเลือกเมนูนั้น ส่วนของเราถ้าอยากกินต้องสั่งเพิ่มจ่ายตังเอง เพราะงั้นไม่สั่งค่ะ เก็บตังไว้ช็อปต่อ

Shilla Duty Free Shop

ขยับรถต่อมาอีกนิดเดียว ก็มาถึงดิวตี้ฟรีขนาดใหญ่แห่งนี้ค่ะ มี 4 ชั้นแน่ะ ถ้าแบ่งคร่าวๆชั้นล่างเป็นกระเป๋าแบรนเนม ชั้น 2 นาฬิกา ชั้น 3 เครื่องสำอางค์ ชั้น 4...มีอะไรน๊า....จำไม่ได้เป๊ะๆ แต่มี Line shop ด้วย และมีลานแบบopen ไว้ให้นั่งตากลมกัน

ชั้นอื่นเราแค่เดินผ่านๆค่ะ ข้ามมาดูที่เครื่องสำอางค์เลย  สำหรับดิวตี้ฟรีแห่งนี้รวมถึงดิวตี้ฟรีที่สนามบินด้วย จะเน้นของแพ็คๆสำหรับซื้อเป็นของฝาก เช่นมาร์คหน้าแพ็ค 50แผ่นแถม 50 แผ่น, ครีมทามือ 6 กระปุก, ลิปกรอส 6 แท่ง ถ้าตั้งใจซื้อแพ็คเยอะๆ ที่นี่คุ้มสุด เยอะด้วยค่ะ

ก่อนจะไปที่หมายถัดไป ในรถก็ต้องจ่ายเงินให้ผู้ช่วยไกด์ก่อน โดยการซื้อรูปค่ะ ตามความชอบใจ เค้าบริการดีก็ซื้อเยอะเนอะ (เงินส่วนของไกด์กับคนขับให้ได้เช้าเลยค่ะ)

ใบนี้เอาไว้ใช้ซื้อของจ้ะ
ยงดูอัมร็อค (โขดหินรูปหัวมังกร)

สถานที่เที่ยวทางธรรมชชาติแห่งสุดท้ายของทริปนี้ค่ะ โดนชูขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเจจูอีกอย่าง แต่สำหรับเรา ที่นี่เฉยๆที่สุดละ

จากที่จอดรถเดินตรงเข้าไปจนสุดทางสามแยก แล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปอีกหน่อยจะมีทางลงไปที่โขดหินค่ะ ตรงนี้ก็มีแฮรียอมาขาสยอาหารทะเลสดๆ เช่นกัน รูปโขดหินนี่ถกเถียงกันนิดหน่อยว่ามองยังไงถึงจะเป็นหัวมังกร ที่ถูกต้องคือมังกรมองออกไปทางทะเลนะคะ

รูปบนสถานที่จริง ยงดูอัมร็อค โขดหินรูปหัวมังกร
ซ้ายล่าง ภาพมุมมองจากพี่เขย มังกรหันเข้าเกาะ
ขวาล่าง ภาพมุมมองจากพี่สาว มังกรหันออกจากเกาะ (อันนี้ถูกแล้วจ้า)
ถ่ายรูปเล่นซะหน่อย

เห็นไอศกรีมในรูปมั้ยคะ? คุ้นๆเนอะ ไอศกรีมชนิดนี้มีขายในไทยมาพักใหญ่แล้วค่ะ เราเรียกันว่าไอศกรีมไม้เท้า แต่จริงๆคือ ไอศกรีม "J"eju นั่นเอง ที่นี่ราคาแพงกว่าไทยนิดหน่อย จำไม่ได้ว่า 2,000 หรือ 3,000 วอน แต่ที่ไทยจะราคา 49-55บาทค่ะ เราว่าของบ้านเราอร่อยกว่านะ ของเค้าตัวไอศกรีมเนื้อมันปนเกล็ดน้ำแข็งหน่อยๆ ของเราครีมมี่กว่า แต่ตัวแป้งคล้ายๆกัน

จบจากตรงนี้ก็ถึงที่เที่ยวที่สุดท้ายค่ะ

Downtown Jeju

แหล่งช๊อปปิ้งแหล่งสุดท้ายของเรา มีทั้งบนดินใต้ดินค่ะ ทัวร์พาเรามาที่ทางลงใต้ดินเบอร์ 4 ถ้าจะซื้อเครื่องสำอางค์ก็ต้องลงไปซื้อใต้ดินตรงนี้หละค่ะ ลงไปปุ๊บจะเจอ Etude เลย (ร้านเล็กนิดเดียว) เดินต่อไปอีกก็เจอ Skinfood, Innisfee ฯ เป็นร้านแบบล็อคเดียวแทบทั้งหมดค่ะ ของตามลิสต์ของเราได้มาแค่บางส่วน ถ้าเป็นที่โซลเราจะเดินตามเก็บได้จากอีกหลายๆร้านในย่านเดียวกัน แต่ที่นี่มียี่ห้อละร้านนะ ส่วนร้านอื่นๆจะเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ไม่สูงค่ะ ณ ช่วงที่เราไปนี่เค้าขายพวกเสื้อกันหนาว เสื้อโค้ทกันเป็นส่วนมาก สวยๆทั้งนั้นเลย


มาที่ด้านบนกันบ้าง ตรงใกล้ๆทางลงที่ 4 นี่จะมี "Hobong food" ร้านอาหารที่ไกด์แนะนำอยู่ค่ะ (มื้อนี้ต้องจ่ายเองแล้ว) ลักษณะเป็นพวกแซนวิส เบอเกอร์ เค้าคงแนะนำเพราะมันง่ายในการสื่อสารหละค่ะ ชี้ๆรูปเอา เค้าจะถาม "Spicy ok?" ถ้าไม่กินเผ็ดก็ "No spicy" ไปนะคะ เผ็ดอยู่เหมือนกัน

สั่งเสร็จก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์ด้านใน และก็นั่งรอค่ะ เรากินแซนวิชแฮมชีส แต่อันที่ใส่ไข่ก็น่ากินนะ ลองดูๆ


เดินเลียบถนนไปด้านเดียวกับร้านนี้ค่ะ มุ่งไปทางด้านศาลา(ไม่รู้วัดหรืออะไร แต่มีศาลา) แหล่งช๊อปจะอยู่ขวามือ น่าจะสังเกตุไม่ยาก ตอนเราไปมีธงเล็กๆประดับอยู่ด้วย เดินตามทางที่มีธงหละค่ะ ข้างบนนี้จะขายของมีแบรนด์ คนไทยชอบมาซื้อรองเท้าผ้าใบ New balance



เดินๆไปเรื่อยๆก็มีกลิ่นหอมๆที่คุ้นเคยลอยมาค่ะ เจอคุณลุงขายมันเผาอยู่ น่าสนใจๆ 1,500 วอน ได้มาประมาณ 6 หัว แนะนำให้กินตอนยังอุ่นๆค่ะ เนื้อมันจะหวานชุ่มฉ่ำ ถ้าเย็นแล้วจะแห้งไม่หวานเท่าเดิมด้วย


อีกร้านที่เจอเป็นแป้งทอดกลมๆ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นพวกแป้งนุ่มๆที่สอดไส้เหมือนของไทย แต่ไม่ใช่เลยค่ะ อันนี้แป้งจะบางกรอบ แล้วมีโพรงตรงกลาง ด้านในแป้งนี่ทาแยมถั่วแดงหวานๆไว้บางๆ อร่อยดี


ใกล้ๆเวลานักหมายเราก็เดินต่อไปทางวัดค่ะ รถนัดรับที่ศาลา ซึ่งจะอยู่ตรงทางออกเบอร์ 11 สุดทางของทางเดินใต้ดิน เราเดินตามทางด้านล่างเพราะง่ายกว่า ไม่ต้องรอข้ามถนนค่ะ

นี่ศาลาที่บอก

ถ่ายวิวข้างทางนิดนึง

แล้วก็มุ่งสู่สนามบินกันเลยยยย ต้องเผื่อเวลานิดนึง เพราะต้องไปจัดกระเป๋าก่อนค่ะ แล้วที่นี่คนเยอะมากกกก ทัวร์จีนมาทีวุ่นไปหมดเลย

กล่องเขียนชื่อให้ชัดเจน ขนมและน้ำจากมินิมาร์ทใส่เป๋าโหลดโลด
ผู้ช่วยไกด์ได้เงินไปแล้วแต่ยังอยู่ด้วยจนจบ

วิธีการเดินทางออกง่ายๆ แต่นานหน่อยเพราะคนเยอะ คือเดินผ่านตม.เกาหลีค่ะ ด่านแรกตรวจพาสปอร์ตก่อน แล้วค่อยเข้าตม.ไปปั๊มตราอีกที เข้าไปปุ๊บก็เจอ duty free เลย ขนาดไม่ใหญ่ เน้นของแพ๊คๆเหมือนเดิม กับมีร้านค้าเล็กๆไว้ซื้อของฝาก สาหร่าย เครื่องดื่ม นมกล้วยก็ยังมีถ้าใครพลาดไม่ได้ซื้อลองระหว่างเที่ยว

เที่ยวบินขากลับเรายังกลับด้วย Eastar เช่นเดิมค่ะ แต่...ดีเลย์ คิดสภาพตัวเอง กว่าจะถึงบ้านนอนยังไม่ทันหลับก็ตื่นไปทำงานต่อแล้วค่ะ เศร้า โชคดีที่ขากลับกัปตันขับนิ่มมาก เลยพอหลับบนเครื่องบินได้


สแนคขากลับนี่เป็นแซนวิช 2 ชิ้นกับโยเกิร์ตสตรอเบอร์รี่ค่ะ ความแปลกอยู่ที่ชิ้นนึงเป็นแซนวิชฟักทองค่ะ เกิดมาไม่เคยกินนะเนี่ย ส่วนน้ำส้มเจจูยังมีเสิร์ฟเช่นเดิมค่ะไม่ต้องห่วง ^^

ปิดท้ายด้วยภาพเครื่องบินที่สนามบินเจจูของคนอื่นพร้อมงวงที่เราไม่ได้ใช้บริการค่ะ ^^
ไว้มีเวลาจะเอาขนมและเครื่อมดื่มที่ได้ดื่มกินตลอดทริปนี้มารีวิวให้ดูนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น