ตอนที่แล้ว Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 5 ซอฟจิโกจิ พุลโกกิ Pony Valley หมู่บ้านวัฒรธรรมซองอับ -
ศูนย์โสม
ตามที่บอกไว้หนก่อนว่าต่อไปเราจะไปเสียเงินกันรัวๆค่ะ เริ่มกันที่ศูนย์โสมเลย จะไปโซลหรือเจจูก็เจอศูนย์โสม โสมที่ขายที่นี่เป็นโสมอายุ 6 ปีกินแล้วไม่ร้อนค่ะ กรรมวิธีขายเหมือนเดิม บรรยายสรรพคุณให้ชิมและบอกโปรโมชั่น ใครสนใจก็ซื้อได้เลยราคาไม่แรงเท่าสนเข็มแดง
Midam Cosmetic
ขับรถมาอีกนิดเดียวก็มาถึงศูนย์เครื่องสำอางค์ Midam นี่ก็มีทั้งโซลทั้งเจจูเช่นกันค่ะ คสอ.ตัวดังๆคือครีมน้ำแตก, BB cream, ครีมขัดผิว ของDR.MJ, Closee พวกนี้โปรโมชั่น 6 ชิ้น 190,000 วอนพร้อมของแถม นอกจากนี้ก็มีแป้งม้าโยก (ถ้าแบบแป้งฝุ่นราคาขายแพ๊ค 3 ตลับ 29,400 บาท) และอื่นๆอีกนิดหน่อยค่ะ เล็กกว่าโซลแต่ตัวหลักก็ก็มีครบ ซื้อแค่ตัวหลักก็ได้ ส่วนที่เหลือไปซื้อจุดอื่นต่อจะหลากหลายกว่า
หมูย่างคาลบี้ (Kalbi)
จับจ่ายไป 2 ที่ก็จบวันนี้ด้วยเมนูหมูย่างชิ้นใหญ่ๆที่มาพร้อมกับกรรไกรเพื่อตัดให้พอดีคำ ถ้าเป็นที่โซลเมนูนี้จะอยู่ก่อนไปเอเวอแลนด์ค่ะ กลิ่นแรงแต่อร่อยมาก รสเข้มข้น แต่ที่เกาะเจจูนี่คาลบี้คนละสูตรกันเลย ค่อนข้างจืดแถมยังต้มมาแล้วอีกต่างหาก พอเอามาย่างอีกเนื้อหมูเลยแห้งเกินไป หมูนี่จะมาพร้อมไขมันที่หนามากๆๆๆๆๆ บางชิ้นมีแต่มัน ถ้าไม่ชอบก็ตัดทิ้งค่ะไม่ต้องกิน แต่แนะนำให้ย่างพร้อมๆกันก่อน ถ้าย่างแบบไร้มัน เนื้อหมูจะแห้งมากๆ
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 5 ซอฟจิโกจิ พุลโกกิ Pony Valley หมู่บ้านวัฒรธรรมซองอับ -
ตอนที่แล้ว Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 4 ภูเขาซองซาน อิลซุงโบล -
ซอฟจิโกจิ
ไปต่อกันที่ ซอฟจิโกจิค่ะ ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ติดทะเลและมีประภาคารด้วย ตรงนี้เคยถ่ายซีรี่ส์ F4 เกาหลี (Boys over flowers) ด้วยค่ะ มาถึงอย่างแรกเลยที่ไกด์แนะนำคือ หมึกลมเดียวค่ะ หมึกตัวโตปิ้งบนหินภูเขาไฟ (เฉพาะร้านแรกเนี่ยค่ะ ที่ปิ้งบนหิน) ซื้อแล้วกินเลยค่ะ เพื่อความอร่อย
อร่อย!!! ชิ้นใหญ่ๆ ได้รสชาติ |
ลิบๆนู่นคือประภาคารค่ะ ไกด์แนะนำว่าไม่ต้องเดินไปเพราะไม่ค่อยมีอะไร เราก็ขี้เกียจเดินเลยเดินดูระหว่างทางนิดเดียว แต่ถ้าใครมาช่วงหน้าร้อนที่มีดอกไม้ใบไม้เยอะๆ ลองเดินไปดูนะคะ เคยเห็นในบางรีวิวจะมีทุ่งดอกไม้ให้ถ่ายกับอาคาร สวยดีเหมือนกัน
Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 4 ภูเขาซองซาน อิลซุงโบล -
โอซัมพุลโกกิ
มื้อเย็นของวันแรกมีชื่อว่า โอซัมพุลโกกิ หรือก็คือเนื้อหมูและปลาหมึกย่างบาร์บีคิวหมักพร้อมนน้ำซุปขลุกขลิกรสหวานๆเค็มๆค่ะ อร่อยหรอกนะคะ แต่ปลาหมึกเหนียว ส่วนหมูเค้ามันมากและก็ยังมีขนติดที่หนังด้วยค่ะ ถอนไม่เกลี้ยง ตอนกินเลยลำบากหน่อยเพราะเราไม่กินทั้งมันทั้งขนนั่นหละ ต้องหั่นออกค่ะ เครื่องเคียงมื้อนี้มีปลาหวานสีส้มๆเนี่ยค่ะ อร่อย
โอซัมพุลโกกิ |
ที่ร้านนี้ไกด์แนะนำปลาชนิดนึงค่ะ เค้าจะให้สั่งไว้ตั้งแต่ก่อนมาเพื่อให้ครัวเตรียมไว้ให้ก่อน โดยลูกทัวร์ที่สั่งต้องจ่ายเพิ่มเองค่ะ รสชาติ(ฟังจากที่เค้าเล่ามาเราไม่ได้กิน) คล้ายปลาซาบะค่ะ บางคนกินไม่หมดต้องห่อกลับบ้านเหมือนจะไม่ค่อยถูกปากค่ะ
ร้านนี้อยู่ในโซนที่เหมือนคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ค่ะ เดินออกจากร้านไปก็เจอตึกร้านค้าอีกหลายตึก มีร้านกาแฟ มินิมาร์ท Nature republic dunkin donut สังเกตุว่าจะเจอ Dunkin แทบทุกที่เลย เค้าฮิตมาก เมนูหลากหลายกว่าบ้านเรา
Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 3 วัดซันบังซา - ภูเขาซองอัค - น้ำตกซอนเจยอน -
ต่อจากตอนที่แล้ว
Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 2 Hello Kitty Island Jeju & พิพิธภัณฑ์ชา Osulloc -
ทัวร์นี้แจกน้ำให้ให้วันละขวดค่ะ น้ำนี่ประมาณ 1,000วอนหรือ 30 บาทนั่งเอง สูงนิดนึงเพราะเป็นน้ำแร่ค่ะ เค้าบอกว่าน้ำที่นี่ทั้งหมดไม่ว่าจะน้ำขวด น้ำก๊อก จะเป็นน้ำแร่ทั้งหมด
ที่ต่อไปเข้าวัดกันบ้างค่ะ วัดซันบังซา ณ เขาซันบัง
วัดนี้เราเข้าได้เฉพาะโซนด้านหน้าและทางขวาเท่านั้น ส่วนโซนด้านในเข้าได้เฉพาะคนเกาหลี คนนิยมมาขอพรกัน โดยเฉพาะขอเรื่องโรคภัยไข้เจ็บจะได้ผลดีอย่างเห็นชัด ส่วนห้องใกล้ๆองค์พระขอบุตรได้ดี (เค้าว่างั้นนะ)
ถึงจะบอกว่าวัดอยู่บนเขา แต่ก็ขึ้นไปนิดเดียวค่ะ มองไปทางขวาจะเห็นวิวทะเลที่สวยมากๆด้วย ข้ามถนนไปดูก็ได้มีลานให้ชมวิวและถ่ายรูปอยู่
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 2 Hello Kitty Island Jeju & พิพิธภัณฑ์ชา Osulloc -
At สนามบินเกาะเจจู
10.00น. เกาหลี (08.00น.ไทย) เครื่องไม่ได้จอดเทียบงวงค่ะ ต้องขึ้น shuttle bus ต่อไปอีก พอก้าวขาออกจากเครื่องบินปุ๊บ ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของอากาศและละอองฝนบางๆที่มาปะทะหน้าเลย คุณแฟนเป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นรถคันแรกไปค่ะ รถเต็มซะก่อนที่เหลือ 9 คนเลยต้องตามไปคันที่ 2 ซึ่งปรากฏว่าคันที่ 2 นี้กว่าจะไปถึงตัวอาคารใช้เวลาเยอะมากๆ เพราะว่าที่นี่รถเค้าไม่วิ่งเลียบอาคารเหมือนสุวรรณภูมิ แต่วิ่งตัดกลางทางเลย เลยต้องจอดให้เครื่องบินผ่านหน้าเพื่อเทียบงวงอยู่เป็นระยะ
ไปถึงสิ่งแรกที่เจอที่อาคารคือ คุณแฟนค่ะ 555+ ยืนรอจนนึกว่าเราไปอาคารอื่นกันแล้ว คนไทยคนอื่นที่ลงมาด้วยกันก็ผ่านด่านไปไกลแล้วค่ะ ตอนนี้เราเลยต้องมาผจญคนจีนแทน เนื่องจากเกาะเจจูใกล้กับจีนมาก เลยมีคนจีนมาเที่ยวเยอะเลย สัดส่วนนักท่องเที่ยวก็ประมาณ คนจีน80% คนไทย 10% และอื่นๆ 10% ค่ะ
Fly me to Jeju กินเที่ยวไปกับทัวร์ - Part 1 จากสุวรรณภูมิสู่เกาะเจจู -
อยากไปเที่ยวต่างประเทศแต่งบน้อย จะหาตั๋วเครื่องบินถูกๆที่พักถูกๆแล้วหาคู่มือตะลอนเองก็ไม่สะดวก แล้วมีที่ไหนมั้ยที่จ่ายแค่หมื่นต้นๆแต่ได้พร้อมทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหารแถมมีคนพาเที่ยวด้วย?
คำตอบของหลายๆคนตอนนี้คงเป็น "เกาะเจจู" ค่ะ ด้วยราคาแค่ 9,990 – 13,900 บาทได้ทัวร์บินตรง 3 วัน 2 คืนเต็มๆ ดูยังไงก็คุ้ม ไปเที่ยวทัวร์ในประเทศบางทียังแพงกว่านี้เลย
นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกาะเจจูฮิตมากกกกในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แถมยังมีแรงหนุนจากซีรี่ย์เกาหลีหลายๆเรื่องอีก แต่กลับมีรีวิวออกมาไม่เยอะนัก(หรือเราอาจจะเสิร์ชไม่เจอเอง 555+) ไม่เป็นไรจะมีรีวิวเยอะหรือไม่เยอะ วันนี้เราก็จะมาร่วมด้วยช่วยรีวิว เผื่อสำหรับเพื่อนๆที่สนใจอยากไป แต่ไม่มั่นใจว่าทำไมถูกจัง ราคานี้มันจะแย่มั้ย มีอะไรให้บ้าง มาดูกันเลยค่ะ
จะพยายามเขียนให้ละเอียดเท่าที่ความทรงจำปลาทองนี้จะจำได้นะคะ เผื่อสำหรับคนไม่เคยไปตปท.หรือไม่เคยไปกับทัวร์ด้วย ถ้ายาวเวิ่นเว้อเกินก็ข้ามไปอ่านตรงที่สนใจเอาละกันเนอะ ตกหล่นหรือข้อมูลผิดพลาดอะไรแจ้งได้เลยค่ะ จะได้แก้ไขเพิ่มเติมให้เป็นประโยชน์ที่สุด ^^
นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกาะเจจูฮิตมากกกกในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แถมยังมีแรงหนุนจากซีรี่ย์เกาหลีหลายๆเรื่องอีก แต่กลับมีรีวิวออกมาไม่เยอะนัก(หรือเราอาจจะเสิร์ชไม่เจอเอง 555+) ไม่เป็นไรจะมีรีวิวเยอะหรือไม่เยอะ วันนี้เราก็จะมาร่วมด้วยช่วยรีวิว เผื่อสำหรับเพื่อนๆที่สนใจอยากไป แต่ไม่มั่นใจว่าทำไมถูกจัง ราคานี้มันจะแย่มั้ย มีอะไรให้บ้าง มาดูกันเลยค่ะ
จะพยายามเขียนให้ละเอียดเท่าที่ความทรงจำปลาทองนี้จะจำได้นะคะ เผื่อสำหรับคนไม่เคยไปตปท.หรือไม่เคยไปกับทัวร์ด้วย ถ้ายาวเวิ่นเว้อเกินก็ข้ามไปอ่านตรงที่สนใจเอาละกันเนอะ ตกหล่นหรือข้อมูลผิดพลาดอะไรแจ้งได้เลยค่ะ จะได้แก้ไขเพิ่มเติมให้เป็นประโยชน์ที่สุด ^^
“ต้นเดือนพฤศจิกายนที่เกาะเจจูประเทศเกาหลีใต้ ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีชัวร์”
และจะเปลี่ยนสีตอนปลายเดือน (ตามคำบอกเล่าของไกด์ที่เกาหลีค่ะ)
ตอนเราไปอากาศที่เกาะเจจูประมาณ 14 – 18 องศาลมแรงเพราะเป็นเกาะ และคาดว่าจะมีฝนตกในวันที่ 2 ด้วยค่ะ อากาศใกล้เคียงกับปักกิ่งตอนเดือนเมษายนที่เคยไป
และจะเปลี่ยนสีตอนปลายเดือน (ตามคำบอกเล่าของไกด์ที่เกาหลีค่ะ)
ตอนเราไปอากาศที่เกาะเจจูประมาณ 14 – 18 องศาลมแรงเพราะเป็นเกาะ และคาดว่าจะมีฝนตกในวันที่ 2 ด้วยค่ะ อากาศใกล้เคียงกับปักกิ่งตอนเดือนเมษายนที่เคยไป
ครอบครัวเราไปกัน 10 คนค่ะ ตรวจพาสปอร์ตซ้ำแล้วซ้ำอีกแล้วก็มุ่งหน้าสู่สุวรรณภูมิเลย ทัวร์นัดเวลา 5 ทุ่มแต่เราไปก่อนเวลากันรถติด ไปถึงก็หาที่นั่งแล้วก็ไปตุนเสบียงกันซักหน่อย เพราะเที่ยวบินนี้มีให้แค่ขนมไม่มีอาหารและมื้อแรกที่เจจูจะเป็นมื้อเที่ยงเลย เดินลงไปที่ชั้น2 จะมี familymart อยู่ติดกับ Boots และร้านหนังสือค่ะ ขาดเหลือลืมอะไร ซื้อเอาตรงนี้ได้เลย ตัวแปลงปลั๊กไฟก็มี (แต่แพง)
บัตรขาออก ขาเข้า เอกสารสถานที่ท่องเที่ยว เข็มกลัดบอกบัสที่เราจะนั่งที่เกาะ |
จากนั้นก็เดินไปเช็คอินเอง ถ้ามาเป็นกลุ่มรวมพาสปอร์ตไว้ที่คนเดียวให้ติดต่อคนเดียวก็พอค่ะ ที่นั่งจะได้ติดกัน แล้วก็เข็นของไปชั่งน้ำหนัก ได้ Boarding pass เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินตัวปลิวเข้าโซนด้านในค่ะ
สายการบินที่เราจะไป Eastar Jet |
น้องกระต่ายนี่ปกพาสปอร์ตเราเอง น้องซื้อมาฝากจากเกาหลีนี่แหละ จนท.จะดึงปกออกจากตัวพาสปอร์ต(ดึงแค่ปกหน้า) ดึงรอไว้ก่อนส่งให้จนท.ก็ได้ |
ผ่านด่านมาเรียบร้อยก็ถึงโซน duty free แล้วค่ะ เกทที่เราต้องขึ้นคือ D2 จะอยู่ทางซ้ายมือ เดินดูของปลอดภาษีไปเรื่อยๆ แวะห้องน้ำสวยๆเล่นจอ interactive ที่อยู่ด้านหน้าซะหน่อย
แล้วก็ซื้อน้ำหอมมา 1 กล่องเผลอถือมาเลยอีกต่างหาก ณ จุดนี้หากซื้อของแล้วฝากไว้รับขากลับได้ค่ะ แค่แจ้งไฟลท์กลับให้เค้าเท่านั้น เป้าหมายของเราก่อนขึ้นเครื่องในวันนี้คือ King Power Lounge ค่ะ ไปนั่งพักผ่อนหาอะไรหม่ำยามดึกกัน
ติดต่อที่เคาเตอร์ก่อน บัตรดำเลี้ยวซ้าย บัตรทองเลี้ยวขวา |
ครอบครัวเรามีบัตรดำ 2 ทอง 1 เลยสามารถเข้าเล้านจ์ได้ 9 คน (บัตรละ 3 คน ถ้าอยากเข้าเพิ่มต้องใช้แต้มแลกค่ะ) แต่เล้านจ์ของบัตร 2 สีจะไม่เหมือนกันนะคะ ของบัตรทองของกินจะน้อยกว่าและบางอย่างต้องเสียเงินซื้อเช่นมาม่า น้ำอัดลม แต่วันนี้เราบินดึก ของกินเลยเหลือน้อยหน่อย ขอบอกอีกอย่างว่าที่ครอบอาหารหนักมากกกกก ยกแทบไม่ขึ้น จนนึกว่าเค้าล็อกไว้ซะอีก
นี่ฟากบัตรดำ |
บินไปกับ Eastar Jet
เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินเหมาลำไปเจจูค่ะ ทุกคนบนเครื่องเป็นเพื่อนร่วมทัวร์กับเรานี่หละค่ะ แต่เดี๋ยวจะไปแยกบัสกันอีกทีที่เกาะเจจู 1 เที่ยวบินนี่ก็ประมาณ 5 บัสตกบัสละ 35 คน แต่ละคนจะซื้อทัวร์มาจากต่างบริษัทต่างโปรโมชั่นกัน เพราะงั้นถ้าไม่อยากเจ็บใจที่ซื้อแพงกว่า อย่าถามค่ะว่าคนอื่นซื้อมากี่บาท (อัตราความเจ็บใจสูงสุดคาดว่าอยู่ที่ 4,000 บาทนะคะ ส่วนต่างของ 13,990 กับ 9,990)
สายการบินสำหรับบินตรงไปสู่เกาะเจจูของเราในคืนนี้คือ Eastar Jet ตอนขึ้นเครื่องไปตกใจมาก เครื่องเล็กเหมือนสายการบิน low cost บ้านเราค่ะ ที่นั่งแถวละ 6 ที่เว้นทางเดินตรงกลาง เราไม่เคยบินเครื่องเล็กขนาดนี้ออกนอกประเทศ แถมวันนี้ยังได้ที่นั่งเป็นกลุ่มท้ายสุดของเครื่องด้วย (แถวสุดท้ายคือ 31 ค่ะ) ห้องน้ำห้องครัวอยู่ท้ายเครื่องหมดค่ะ ไม่เป็นอันหลับกัน
ข้อสังเกตุของแอร์และสจ๊วตของสายการบินนี้คือ เดินเร็วมากกกก ถ้ายื่นหัวหรือแขนล้ำไปที่ทางเดินตอนเค้าเดินนี่มีสิทธิ์หัวหลุด (เว่อร์) ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับแบบเป๊ะ ถ้าคุณไม่ทำตามเค้าจะเดินมาเตือนด้วยความเร็วปานพายุนั่นแหละค่ะ และภาษาอังกฤษก็ค่อนข้างฟังยากฟังออกครึ่งๆเอง (ถึงสำเนียงจะดีก็ฟังออกครึ่งๆอยู่ดีค่ะ 555+)
วันนี้เครื่องโคลงเคลงเยอะหน่อยเพราะสภาพอากาศไม่ดีค่ะ เมฆหนาทึบจะลงจอดอยู่รอมร่อยังมองไม่เห็นตัวเกาะเลยค่ะ เห็นแต่เมฆใจเสียเลยนึกว่าจะไม่ได้เที่ยวแล้ว ตอนแลนดิ้งท้ายสะบัดแรงมากตัวโยนเลยทั้งๆที่คาดเข็มขัดไว้นี่หละ ตอนเครื่องยังไม่จอดดีสัญญาณคาดเข็มขัดยังขึ้นอยู่ กลับมีหลายคนลุกขึ้นมาเปิดที่เก็บกระเป๋าบนหัวค่ะ แอร์พุ่งตัวด้วยความเร็วมาเตือนทันที และประกาศให้นั่งรัดเข็มขัดจนกว่าจะบอกให้ถอดได้ แต่ซักพักก็มีคนลุกขึ้นมาหยิบกระเป๋าอีก!! ไม่ใช่รถทัวร์นะคะ ไม่ต้องรีบลุกมาเอาของลงแต่เนิ่นๆ รอจอดสนิทก๊อนนนน มันอันตรายต่อหัวผู้โดยสารที่ยังนั่งอยู่ค่ะ
2. เสื้อกันหนาวหรือกันลม แล้วแต่สภาพร่างกายค่ะ ยกตัวอย่าง เราขี้ร้อนทนหนาวได้ระดับนึง เลยเอาเสื้อหนาวแบบไม่หนาไป กลางวันไม่ใส่เสื้อกันหนาวเลย ใส่แค่ตอนเย็นที่อุณหภูมิลดลงเยอะหรือตอนขึ้นเขาที่ลมแรงมากเท่านั้น ส่วนตัวในเสื้อยืดบ้างเสื้อแขน 5 ส่วนบ้าง เพราะเวลาอยู่ในรถหรือร้านอาหารจะร้อนค่ะ เลยเอาแบบไม่หนาเดี๋ยวอึดอัด แม่เราทนหนาวดีเลิศขึ้นเขาลมพัดแรงๆเย็นเฉียบก็ยังใส่แค่เสื้อโปโลกับเสื้อกันลมค่ะ(แต่ตอนแม่ไปประเทศอื่นเจอหิมะบางๆก้ใส่แค่นี้นะ ไม่น่าใช้อ้างอิงได้555+) ส่วนถ้าคนขี้หนาวอยากใส่โค้ทหนาไปแต่กลัวดูเว่อร์ ไม่ต้องกลัวค่ะเพราะมีคนใส่แบบนั้นเยอะอยู่เหมือนกัน
3. เสื้อกันฝน/ร่ม ถ้าพยากรณ์อากาศมีฝนก็ติดไปหน่อยค่ะ พยากรณ์เดี๋ยวนี้ออกมาค่อนข้างเป๊ะ
4. รองเท้าผ้าใบ เหมาะแก่การเดินขึ้นเขาค่ะ เลือกที่ใส่จนชินสบายเท้านะ ถ้าของใหม่หรือของไม่ใส่นานระวังมันจะกัด อยากชิคไม่อยากใส่ผ้าใบจะใส่บู๊ท...ก็ได้หรอกค่ะ แต่เดินระวังๆเดี๋ยวเท้าแพลง ส้นสูงไหวมั้ย? ถ้าเป็นนาโอมิ แคมเบลใส่ส้นสูงจนชินประหนึ่งเป็นอวัยวะในร่างกาย ใส่อย่างอื่นไม่ถนัดก็จัดไปเลยค่ะ หรือถ้าคิดว่าตัวเองไม่ขึ้นเขาแน่นอน อยากใส่อะไรใส่ค่ะ แหล่งท่องเที่ยวอื่นเดินไม่เยอะทางดี (เขาก็ทางดี แต่เดินเยอะ)
5. ยาสามัญประจำบ้าน แก้ปวดหัวตัวร้อน ปวดท้อง ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย ท้องอืด (น้องสาวแนะนำ pudin) ไปเที่ยวแล้วป่วยจะไม่สนุกเอาค่ะ
6. ซอสปรุงรส น้ำจิ้มสุกี้ พันท้ายนรสิงห์ มาม่าฯ ถ้าเป็นพวกกินยากติดรสชาติไทยๆ พกไปเองดีกว่าจะไปคาดหวังเอาจากไกด์ค่ะ แต่ไหนๆจะไปเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ๆทั้งที มาถึงถิ่นเค้าก็น่าจะลองกินอาหารของเค้าแบบต้นตำรับดูเนอะ
7. ตัวแปลงปลั๊กสำหรับเสียบกับปลั๊กเกาหลีเป็นปลั๊กแบบหัวกลม ซื้ออันเดียวแล้วแบกรางเสียบปลั๊กไปก็ได้ค่ะ ไม่เปลือง
8. Pocket wi-fi ที่เกาะเจจูมี Wifi free แค่บงที่ค่ะ ที่เจอมาคือบางส่วนของสนามบิน(สัญญาณอ่อน) ที่พัก(เราพัก Hotel J สัญญาณแรงทะลุเกจ) ไร่ชา(สัญญาณเบา) ถ้าอยากออนไลน์ตลอดเวลาต้องเตรียมไปเอง
9. เงินค่าไกด์+คนขับรถ 700 บาทต่อคนเดินทาง 1 คน
10. เงินค่าผู้ช่วยไกด์ (ตากล้อง) เป็นธรรมเนียมของเกาหลีค่ะ ที่จะไม่ค่อยมีคนทำงานให้บริการ แต่กับทัวร์จะมีมาช่วยบริการเสิร์ฟข้าว เติมน้ำ หมู ดูแลเราตลอดทริป แลกกับการที่เค้าจะขอถ่ายรูปเราแล้วเอารูปมาขายในราคาใบละ 5000 วอน (ถ้าจ่ายเงินไทยคิด 160บาท) ซึ่งสวยมั้ย?ไม่สวย แพงมั้ย?แพง กล้องเราก็มีสวยกว่าเค้าอีก แต่นี่เป็นค่าตัวเค้าค่ะไม่ใช่แค่ค่ารูป เราเลือกได้ว่าจะซื้อกี่ใบหรือไม่ซื้อเลย เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เค้าดูแลเราตลอดทริป เค้าจัดรูปเสนอขายเป็นครอบครัวหรือเป็นคู่ค่ะ คู่เราได้มา 10 รูป ตกคนละ 800 บาท ก็ซื้อหมดค่ะ เพราะเค้าไม่มีค่าจ้างส่วนอื่น นี่คืรายได้ของเค้าตลอด 3 วันที่อยู่กับเราแถมที่ได้ไปนี่ยังโดนหักค่าหัวด้วยไม่ได้ได้เต็มๆนะ (สาบานจริงๆว่าการแต่งหล่อมาในวันขายรูปไม่มีผลกับปริมาณรูปที่ซื้อ 555+)
11. เงินช๊อปปิ้ง + เงินซื้อของกินเล่นรายทาง + เงินฝากช๊อป มาเกาหลีถ้ามีเพื่อน/ญาติผู้หญิง ไม่พ้นจะต้องโดนฝากซื้อเครื่องสำอางค์แน่นอนค่ะ เตรียมไปให้พอ แนะนำให้แลกเงินที่ superrich ได้เรทดีกว่าธนาคารค่ะ ถ้าไม่พอรูดการ์ดได้แต่เรทจะสูงกว่า ค่าเงินที่เราแลกมาคือ 0.031 ค่ะ แปลว่า 1,000 วอน = 31 บาท
12. ลิสต์รายการที่ต้องซื้อ โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์ ปริ๊นรูป+ชื่อสินค้า+เบอร์+จำนวนมาเลยค่ะ พนง.ช่วยหาได้ ที่นี่ร้านน้อยกว่าโซล คนจะไปแออัดพร้อมกันค่ะ เตรียมไปก่อนจะได้รวดเร็ว
ยาวแฮะ ขอจบ Part แรกตรงนี้แล้วกัน เพิ่งถึงเจจู ^^
แถมๆ
จัดกระเป๋ากันจ้า สิงที่ต้องเตรียมไป
จัดกระเป๋าไปเกาะเจจู ไม่ต้องเอาแมวไปนะครัช!! |
1. พาสปอร์ต บัตรประชาชน เอกสารอื่นๆที่อาจต้องใช้หากติดตม.เช่น ใบรับรองการทำงาน ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุลบัตรเครดิต โปรแกรมทัวร์ (ทางทัวร์เตรียมให้) ส่วนวีซ่าไม่ต้องใช้
2. เสื้อกันหนาวหรือกันลม แล้วแต่สภาพร่างกายค่ะ ยกตัวอย่าง เราขี้ร้อนทนหนาวได้ระดับนึง เลยเอาเสื้อหนาวแบบไม่หนาไป กลางวันไม่ใส่เสื้อกันหนาวเลย ใส่แค่ตอนเย็นที่อุณหภูมิลดลงเยอะหรือตอนขึ้นเขาที่ลมแรงมากเท่านั้น ส่วนตัวในเสื้อยืดบ้างเสื้อแขน 5 ส่วนบ้าง เพราะเวลาอยู่ในรถหรือร้านอาหารจะร้อนค่ะ เลยเอาแบบไม่หนาเดี๋ยวอึดอัด แม่เราทนหนาวดีเลิศขึ้นเขาลมพัดแรงๆเย็นเฉียบก็ยังใส่แค่เสื้อโปโลกับเสื้อกันลมค่ะ(แต่ตอนแม่ไปประเทศอื่นเจอหิมะบางๆก้ใส่แค่นี้นะ ไม่น่าใช้อ้างอิงได้555+) ส่วนถ้าคนขี้หนาวอยากใส่โค้ทหนาไปแต่กลัวดูเว่อร์ ไม่ต้องกลัวค่ะเพราะมีคนใส่แบบนั้นเยอะอยู่เหมือนกัน
3. เสื้อกันฝน/ร่ม ถ้าพยากรณ์อากาศมีฝนก็ติดไปหน่อยค่ะ พยากรณ์เดี๋ยวนี้ออกมาค่อนข้างเป๊ะ
4. รองเท้าผ้าใบ เหมาะแก่การเดินขึ้นเขาค่ะ เลือกที่ใส่จนชินสบายเท้านะ ถ้าของใหม่หรือของไม่ใส่นานระวังมันจะกัด อยากชิคไม่อยากใส่ผ้าใบจะใส่บู๊ท...ก็ได้หรอกค่ะ แต่เดินระวังๆเดี๋ยวเท้าแพลง ส้นสูงไหวมั้ย? ถ้าเป็นนาโอมิ แคมเบลใส่ส้นสูงจนชินประหนึ่งเป็นอวัยวะในร่างกาย ใส่อย่างอื่นไม่ถนัดก็จัดไปเลยค่ะ หรือถ้าคิดว่าตัวเองไม่ขึ้นเขาแน่นอน อยากใส่อะไรใส่ค่ะ แหล่งท่องเที่ยวอื่นเดินไม่เยอะทางดี (เขาก็ทางดี แต่เดินเยอะ)
5. ยาสามัญประจำบ้าน แก้ปวดหัวตัวร้อน ปวดท้อง ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย ท้องอืด (น้องสาวแนะนำ pudin) ไปเที่ยวแล้วป่วยจะไม่สนุกเอาค่ะ
6. ซอสปรุงรส น้ำจิ้มสุกี้ พันท้ายนรสิงห์ มาม่าฯ ถ้าเป็นพวกกินยากติดรสชาติไทยๆ พกไปเองดีกว่าจะไปคาดหวังเอาจากไกด์ค่ะ แต่ไหนๆจะไปเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ๆทั้งที มาถึงถิ่นเค้าก็น่าจะลองกินอาหารของเค้าแบบต้นตำรับดูเนอะ
7. ตัวแปลงปลั๊กสำหรับเสียบกับปลั๊กเกาหลีเป็นปลั๊กแบบหัวกลม ซื้ออันเดียวแล้วแบกรางเสียบปลั๊กไปก็ได้ค่ะ ไม่เปลือง
8. Pocket wi-fi ที่เกาะเจจูมี Wifi free แค่บงที่ค่ะ ที่เจอมาคือบางส่วนของสนามบิน(สัญญาณอ่อน) ที่พัก(เราพัก Hotel J สัญญาณแรงทะลุเกจ) ไร่ชา(สัญญาณเบา) ถ้าอยากออนไลน์ตลอดเวลาต้องเตรียมไปเอง
9. เงินค่าไกด์+คนขับรถ 700 บาทต่อคนเดินทาง 1 คน
10. เงินค่าผู้ช่วยไกด์ (ตากล้อง) เป็นธรรมเนียมของเกาหลีค่ะ ที่จะไม่ค่อยมีคนทำงานให้บริการ แต่กับทัวร์จะมีมาช่วยบริการเสิร์ฟข้าว เติมน้ำ หมู ดูแลเราตลอดทริป แลกกับการที่เค้าจะขอถ่ายรูปเราแล้วเอารูปมาขายในราคาใบละ 5000 วอน (ถ้าจ่ายเงินไทยคิด 160บาท) ซึ่งสวยมั้ย?ไม่สวย แพงมั้ย?แพง กล้องเราก็มีสวยกว่าเค้าอีก แต่นี่เป็นค่าตัวเค้าค่ะไม่ใช่แค่ค่ารูป เราเลือกได้ว่าจะซื้อกี่ใบหรือไม่ซื้อเลย เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เค้าดูแลเราตลอดทริป เค้าจัดรูปเสนอขายเป็นครอบครัวหรือเป็นคู่ค่ะ คู่เราได้มา 10 รูป ตกคนละ 800 บาท ก็ซื้อหมดค่ะ เพราะเค้าไม่มีค่าจ้างส่วนอื่น นี่คืรายได้ของเค้าตลอด 3 วันที่อยู่กับเราแถมที่ได้ไปนี่ยังโดนหักค่าหัวด้วยไม่ได้ได้เต็มๆนะ (สาบานจริงๆว่าการแต่งหล่อมาในวันขายรูปไม่มีผลกับปริมาณรูปที่ซื้อ 555+)
11. เงินช๊อปปิ้ง + เงินซื้อของกินเล่นรายทาง + เงินฝากช๊อป มาเกาหลีถ้ามีเพื่อน/ญาติผู้หญิง ไม่พ้นจะต้องโดนฝากซื้อเครื่องสำอางค์แน่นอนค่ะ เตรียมไปให้พอ แนะนำให้แลกเงินที่ superrich ได้เรทดีกว่าธนาคารค่ะ ถ้าไม่พอรูดการ์ดได้แต่เรทจะสูงกว่า ค่าเงินที่เราแลกมาคือ 0.031 ค่ะ แปลว่า 1,000 วอน = 31 บาท
12. ลิสต์รายการที่ต้องซื้อ โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์ ปริ๊นรูป+ชื่อสินค้า+เบอร์+จำนวนมาเลยค่ะ พนง.ช่วยหาได้ ที่นี่ร้านน้อยกว่าโซล คนจะไปแออัดพร้อมกันค่ะ เตรียมไปก่อนจะได้รวดเร็ว
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
The Coffee Cat - Cat Cafe' เล็กๆแต่น่าไปในเมืองทอง -
The Coffee Cat cafe' & Bakery |
คาเฟ่แมวที่อื่นเราดั้นด้นไป ส่วนคาเฟ่นี้มาเจอโดยบังเอิญค่ะ ตอนมาช๊อปที่เมืองทองแล้วเข้า app wongnai หาข้าวกิน ก็มีชื่อร้านนี้โผล่ขึ้นมา ไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆว่ามีคาเฟ่แมวที่นี่ค่ะ พอช๊อปเสร็จเลยใช้ที่นี่เป็นที่พักผ่อนไปด้วยในตัว
ร้านเป็นร้านคูหาเดียว ตั้งอยู่ในโครงการ sukhothai ave 99 ตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช(มสธ.) ถ้าขับรถเข้ามาทางหน้าหมู่บ้าน ก็ขับเลยมสธ. มาสักพัก และให้สังเกตทางด้านขวาใกล้กรมที่ดิน จะเห็นป้ายว่า sukhothai ave 99 ชัดเจนค่ะ ร้าน The Coffee Cat จะอยู่ด้านในตรงกับช่องทางรถเข้าพอดีค่ะ
เปิด 10.00 - 20.00 น. หยุดทุกวันจันทร์นะคะ |
ร้านป้ายไม่ค่อยเด่น สังเกตุฟิตเนสขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับร้านทางขวาแทนก็ได้ค่ะ ตัวร้านที่ลูกค้านั่งได้มีเฉพาะชั้น 1 ส่วนชั้น 2 คงไว้ให้แมวพัก เข้าไปก็ไปเจอป้ายกฏกติกาสำหรับคาเฟ่แมวตามปกติ เปลี่ยนรองเท้า ล้างมือด้วยเจล แล้วเข้าไปนั่งได้เลยค่ะ
วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
อิ่มอร่อยได้ลุ้นเที่ยวด้วย กับบาร์บีกอนท่องโลก
อิ่มอร่อยพร้อมลุ้นไปเที่ยวกับบาร์บีกอนท่องโลก ขอบคุณ Wongnai ค่ะ |
**โปรนี้หมดเขต 9 พ.ย.2014**
บาร์บีกอนมีโปรโมชั่นใหม่ๆออกมาให้ฮือฮาอยู่เสมอเลยค่ะ อย่างตอนนี้เป็นโปรฯลุ้นไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในวงเงิน 1ล้านบาท ซึ่งมันว้าวมากกกก (ดูรายละเอียดเพิ่ม http://www.wongnai.com/news/travel-1000000) พร้อมกับออกเซ็ทเมนูบาร์บีกอนท่องโลก 4 แบบ 4 สไตล์ออกมาด้วยค่ะ
และก็เป็นความโชคดีของเรา ที่ไปเล่นเกมบน Wongnai fb fanpage แล้วได้คูปองฟรีมา พอคูปองส่งมาถึงบ้านปุ๊บก็ชวนกันไปกินกับคุณแฟนเลย ^^
นี่ค่ะ คูปองบาร์บีกอนท่องโลก |
ตอนได้คูปองมาก็นึกว่าต้องเลือกแค่ชุดเดียวค่ะ เลยกะว่าจะเลือกชุดบาร์บีกอนชาวเกาะเพราะแพงสุด แต่พอยื่นบัตรไปให้น้องพนง. น้องถามว่า "จะรับ 4 เซ็ท เลยมั้ยคะ?" งงเลย เลยถามย้ำไปน้องพนง.แจ้งว่ารับได้พร้อมกันหมดเลยค่ะ 4 ชุด แต่จะสั่ง 2 เก็บไว้วันอื่น 2 ไม่ได้เพราะเค้าจะเก็บคูปองเราไปวันนี้เลย
"งั้นจัดเต็มมาเลยค่ะ เอาให้ตายไปข้างนึง"
เราตอบไป
บาร์บีกอนท่องโลกประกอบด้วย 4 ชุด ชุดละ 3 ถาดค่ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)