หลังจากที่ไปทานมื้อเที่ยงที่ ทาเวิร์นนา (Taverna) และทำกิจกรรมไดรฟ์กอล์ฟ ขับ F1 ทำสปา DIY แล้วก็มาต่อกันด้วยมื้อเย็นที่ Birdie 'n Courtyard ค่ะ
Birdie 'n Courtyard world eatery & Gastro market เป็นร้านอาหารแบบฟิวชั่นอยู่ในโพธาลัยโซนกอล์ฟ เป็นอาคารขนาดใหญ่ 2 ชั้น โดดเด่นใกล้ๆน้ำพุและน้ำตก โดยชั้นล่างเป็นกระจกสามารถนั่งทานไปดูวิวไปได้เลยค่ะ ตอนค่ำๆจะมีการแสดงน้ำพุพร้อมแสงสีประกอบด้วย
ช่วงกลางวัน |
กลางคืน นั่งชมการแสดงน้ำพุข้างนอกก็ได้ |
มองย้อนกลับไปตรงทางเข้าและโซนรับรอง |
การแสดงน้ำพุ |
ฉายแสงเลเซอร์ภาพคนเต้นรำ |
มาดูด้านในร้านกันบ้าง เพดานสูงมากขึ้นไปถึงชั้น 2 โปร่งสบายตา ที่นั่งส่วนมากจะเป็นโต๊ะใหญ่สำหรับนั่ง 8 - 10 คนค่ะ มีเวทีแสดงดนตรีสดด้วย เท่าที่ฟังวงที่เวียนมาแสดงวันนี้ก็เพราะทุกวงค่ะ สบายๆบ้าง ครึกครื้นบ้างสลับกันไป แสงที่ด้านหลังเวทีก็ฉายสลับแสงไปมาค่ะ นั่งคุยกันไปฟังเพลงไปเพลินๆ เหมาะกับการมากันเป็รครอบครัวหรือจัดปาร์ตี้สังสรรค์ค่ะ มีจอขนาดใหญ่ไว้ทำกิจกรรมต่างๆด้วย
แสดงภาพ instagram ที่ลง tag Phothalai ค่ะ เล่นกิจกรรมกับวงในชิง voucher ^^ |
ทางขึ้นไปชั้น 2 (วันนี้ไม่ได้ขึ้นไปดู) |
โต๊ะนี้มองออกไปเห็นน้ำตกจำลองด้วย |
ดูร้านสวยๆกันไปแล้ว มาดูอาหารกันค่ะ อาหารร้านนี้ไม่ด้อยไปกว่าตัวร้านเลย ทั้งสวยทั้งอร่อย นี่สาบานเลยว่าไม่ได้อวยเพราะมากินฟรี แต่มันอร่อยจริงๆ
(ชื่ออาหารไม่ค่อยรู้นะคะ ขออธิบายแทนแล้วกัน บางจานได้ทานกันเดี่ยวๆเลย อาจได้ไม่เหมือนกันบ้างแล้วแต่เค้าเสิร์ฟ และบางจานเป็นจานกลางโต๊ะละ 1 จานทานด้วยกันค่ะ เพราะเค้าอยากให้เราชิมเมนูให้หลากหลาย เลยจัดเต็มมาก)
ระหว่างรออาหาร เสิร์ฟเครื่องดื่มกันก่อน cocktail และ mocktail พร้อมขนมปังแท่งคล้ายๆเพรสเซล สำหรับMocktail นี่หวานซ่าส์นิดๆ รสคล้ายๆลิ้นจี่ผสมมิ้นค่ะ หอมสดชื่นดี
ระหว่างรออาหาร เสิร์ฟเครื่องดื่มกันก่อน cocktail และ mocktail พร้อมขนมปังแท่งคล้ายๆเพรสเซล สำหรับMocktail นี่หวานซ่าส์นิดๆ รสคล้ายๆลิ้นจี่ผสมมิ้นค่ะ หอมสดชื่นดี
จานแรก ปลาดิบบนยำสาหร่ายและน้ำแอปเปิ้ลเสิร์ฟมากับน้ำแข็งแห้ง พรีเซนต์ได้เลิศมาก นี่เป็นจานเรียกน้ำย่อยโดยแท้ค่ะ คำเล็กๆ ปลาแซลมอนดิบสดๆหวานเนื้อปลาไม่คาว
จานที่ 2 เสิร์ฟ 2 อย่างเราได้ Tigerball marinate (กุ้งลายเสือในน้ำซอส) กุ้งลายเสือจะหวานๆค่ะ นอกจากที่เห็นเป็นตัวใหญ่ๆมาด้านบนแล้ว ด้านล่างแก้วก็ยังมีชิ้นกุ้งใส่มาอีกเยอะเลย ส่วนซอสใสๆหวานๆ ผสมกับผลแบล็คเบอร์รี่และส้มทานแล้วสดชื่นดี มีเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้เคี้ยวเพลินๆด้วยค่ะ
ส่วนแฟนเราได้หอยเชล ค่ะชิมมานิดนึง รสจะออกเค็มนิดๆค่ะ ตัวใหญ่ๆเลย มาคู่กับมะกอก ชอบหอยเชลค่ะนุ่มหนุบดี แต่รสชาติรวมๆชอบกุ้งลายเสือมากกว่าเพราะรู้สึกสดชื่นดีค่ะ
มาต่อกันที่สลัดค่ะ มาเป็นจานกลาง 2 จานพร้อมๆกันเลย สลัดทูน่าและสลัดไข่ สดอร่อยทั้งคู่ โดยเฉพาะส้มในสลัดทูน่า ส้มมาตัดกับรสทูน่าทำให้จานนี่สดชื่นขึ้นมากหวาน ส่วนน้ำสลัดของสลัดไข่อร่อยและหอมกลิ่นงามากๆค่ะ
ต่อจากสลัดก็เป็นซุปค่ะ ของเพื่อนร่วมโต๊ะได้ซุปเยรูซาเล็ม สีออกขาวครีมๆ ไม่ได้ลองทานค่ะ แต่เห็นว่ารสคล้ายๆคาราเมล ส่วนของเราเป็นซุปฟักทอง ของชอบเลยค่ะ เนียนๆครีมมี่อร่อยดี รสชาติแบบดั้งเดิม ไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆลงไปค่ะ ใครชอบพริกไทยก็ใส่เพิ่มได้เข้ากันดีอยู่
ถึง Main dish แล้วค่ะ จานนี้เสิร์ฟหลากหลายมาก มีทั้งหมู เป็ด เนื้อ ปลา แต่เรากับแฟนได้เนื้อและปลามาค่ะ มาดูจานปลากันก่อน ปลาแซลมอนย่างสุกเสิร์ฟพร้อมมินิแครอท บล็อคโครี่ และมันหวานค่ะ เข้าใจว่าเป็นมันเทศนะหวานมาก อร่อยมากค่ะชอบกว่าตัวปลาอีก ส่วนเนื้อปลาก็สดไม่คาวหอมกลิ่นย่างค่ะ
จานเนื้อ เนื้อมาชิ้นใหญ่ๆหนาๆ สุกกำลังดีด้านในยังสีแดงๆอยู่ (ทานเพลินลืมถ่ายตอนตัดเนื้อข้างในมาให้ดู T_T) ไม่แข็งไม่เหนียวเลยค่ะ ไม่เหม็นเนื้อด้วย แฟนเราที่ปกติไม่กินเนื้อเพราะไม่ชอบกลิ่นเนื้อ ไม่ใช่ว่านับถืออะไรนะคะ ปกติให้เค้าชิม อย่างดีที่สุดเค้าก็บอกว่า "เออไม่มีกลิ่น แต่พอละ" แต่สำหรับจานนี้เค้าบอกว่า "หอม" ค่ะ และพอให้ช่วยทานเนื่องจากเราเริ่มอิ่ม ก็ไม่อิดออด รับไปทานอย่างเต็มใจแถมยังชมอีกว่าหอมอร่อย ทำให้คนไม่ชอบเนื้อยอมทานได้เลย
ที่เด็ดอีกอย่างคือฟัวกราส์ชิ้นหนาด้านบนเนื้อค่ะ นุ่มมากเอามีดวางข้างบน ไม่ต้องกดก็ขาดออกจากกันเลย ไม่คาวไม่เลี่ยน เคยไปทานที่อื่นอุดมไปด้วยน้ำมันเลี่ยนๆรู้สึกแหยะมาก
ส่วนที่รองอยู่ล่างสุดของจานคือมันฝรั่งบดค่ะเนียนๆจืดๆหน่อยแต่เข้ากับซอสดี ชอบอีกเหมือนกัน
ถึงจะเริ่มอิ่มกันแล้ว แต่อาหารก็ยังมาเสิร์ฟไม่ยั้งค่ะ เรามาต่อกันที่สปาเก็ตตี้เสิร์ฟเป็นจานกลาง 2 ชนิด อย่างแรกสปาเก๊ตตี้มีทบอล สารภาพว่าไม่ได้ทานค่ะ สละสิทธิ์ ^^" ไม่ไหวแย้ว ดูรูปไปเนอะ
อีกอย่างนึงคือสปาเก็ตตี้ซีฟู๊ดซอสมะเขือเทศค่ะ บางทีพวกซอสมะเขือเทศนี่จะเลี่ยนนิดหน่อย แต่ร้านนี้ทำแบบเผ็ดค่ะ ไม่เลี่ยนแน่นอน เผ็ดไม่จัดมากเด่นพอๆกับรสมะเขือเทศค่ะ ให้ซีฟู๊ดมาเยอะด้วยทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์
ของหวานตบท้ายค่ะ มี 2 อย่าง Blueberry Cheesecake กับ ทีรามิสุ
เริ่มที่ทีรามิสุกันก่อน ทีรามิสุเสิร์ฟมาพร้อมกาแฟค่ะ ถ้วยทีรามิสุนี่ตักลงไปจะเจอครีมก่อนเลย ครีมอร่อยดีค่ะ แต่พอลงไปเกือบๆจะถึงก้นถ้วยจะเจอเนื้อเค้กบางๆที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์ ไม่รู้ว่าชนิดไหนนะคะ พอดีเราไม่ดื่มแอลฯเลย (ณ จุดนี้คนที่ไม่ดื่มแอลฯ จะหน้าเปลี่ยนสีทันที อิอิ ทานต่อไม่ได้ค่ะ วางช้อนๆ ขอแลกอีกจานจากแฟนมา) ส่วนกาแฟที่เสิร์ฟมาคู่กันนี่ก็มีแอลกอฮอล์นะ รสชาติเหมือนลูกอมโกปีโก้เข้มๆใส่แอลฯ ด้านล่างมีวุ้นกาแฟที่รสอ่อนกว่าใส่อยู่ค่ะ ทานด้วยกันจะอร่อยที่สุด (ตามคำบอกเล่าของแฟน ลืมบอกกาแฟเราก็ไม่ดื่มค่ะ)
สุดท้ายแล้วค่ะ Blueberry Cheesecake ตัวชีสคือก้อนขาวๆที่อยู่ด้านข้างค่ะ เค็มๆไม่มีรสเปรี้ยว ส่วนบลูเบอร์รี่เค้กรสอ่อนไม่หวานมากค่ะ เราชอบให้เค้กเปรี้ยวกว่านี้และเบากว่านี้ค่ะ สำหรับจานนี้รู้สึกเฉยๆ
รวมๆแล้วประทับใจมากกับทั้งอาหารและบรรยากาศของร้านนี้ค่ะ นั่งสบาย ดนตรีเพราะ อาหารพรีเซนต์ออกมาสวยงาม เรียกว่ามีความสุขตั้งแต่ยังไม่ได้ทานเลย รสชาติก็อร่อยด้วยวัตุดิบที่คัดมาอย่างดีโดยเฉพาะจานเนื้อกับฟัวกราส์นี่คือที่สุดแล้วของวันนี้ค่ะ
ใครกำลังมองหาที่ๆจะใช้เวลาด้วยกันได้ทั้งครอบครัวลองมาที่โพธาลัยได้ค่ะ ทำกิจกรรม สปา นวด ฟิตเนส กอล์ฟ แล้วมาจบที่ร้าน Birdie 'n Courtyard นี้พร้อมดูโชว์น้ำพุ รับรองว่าจะเป็นหนึ่งวันฟินๆเลยค่ะ
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 12:00 - 23:59การเดินทางสู่ห้องอาหารฟิวชั่น Birdie 'n Courtyard โพธาลัยเลเชอร์ปาร์ค :
โพธาลัยอยู่ฝั่งตรงข้าม Crystal park หากมาจากเกษตรนวมินทร์ เลี้ยวขวาเข้าถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยโยธินพัฒนา 3 (สังเกตุมองเข้าไปในซอยจะเห็นปั้มบางจาก) เข้าไปตามทางนิดเดียวจะเห็นป้ายโพธาลัย
ร้าน Birdie 'n Courtyard จะอยู่โซนกอล์ฟด้านในของโพธาลัยเลเชอร์ปาร์ค
ดูรีวิวอื่นๆของร้านได้ที่ Wongnai
ติดตามรีวิวอาหารในวงในของเราได้ที่ user : Rabbit on the spoon เช่นกันนะคะ ^^
ถึง Main dish แล้วค่ะ จานนี้เสิร์ฟหลากหลายมาก มีทั้งหมู เป็ด เนื้อ ปลา แต่เรากับแฟนได้เนื้อและปลามาค่ะ มาดูจานปลากันก่อน ปลาแซลมอนย่างสุกเสิร์ฟพร้อมมินิแครอท บล็อคโครี่ และมันหวานค่ะ เข้าใจว่าเป็นมันเทศนะหวานมาก อร่อยมากค่ะชอบกว่าตัวปลาอีก ส่วนเนื้อปลาก็สดไม่คาวหอมกลิ่นย่างค่ะ
จานเนื้อ เนื้อมาชิ้นใหญ่ๆหนาๆ สุกกำลังดีด้านในยังสีแดงๆอยู่ (ทานเพลินลืมถ่ายตอนตัดเนื้อข้างในมาให้ดู T_T) ไม่แข็งไม่เหนียวเลยค่ะ ไม่เหม็นเนื้อด้วย แฟนเราที่ปกติไม่กินเนื้อเพราะไม่ชอบกลิ่นเนื้อ ไม่ใช่ว่านับถืออะไรนะคะ ปกติให้เค้าชิม อย่างดีที่สุดเค้าก็บอกว่า "เออไม่มีกลิ่น แต่พอละ" แต่สำหรับจานนี้เค้าบอกว่า "หอม" ค่ะ และพอให้ช่วยทานเนื่องจากเราเริ่มอิ่ม ก็ไม่อิดออด รับไปทานอย่างเต็มใจแถมยังชมอีกว่าหอมอร่อย ทำให้คนไม่ชอบเนื้อยอมทานได้เลย
ที่เด็ดอีกอย่างคือฟัวกราส์ชิ้นหนาด้านบนเนื้อค่ะ นุ่มมากเอามีดวางข้างบน ไม่ต้องกดก็ขาดออกจากกันเลย ไม่คาวไม่เลี่ยน เคยไปทานที่อื่นอุดมไปด้วยน้ำมันเลี่ยนๆรู้สึกแหยะมาก
ส่วนที่รองอยู่ล่างสุดของจานคือมันฝรั่งบดค่ะเนียนๆจืดๆหน่อยแต่เข้ากับซอสดี ชอบอีกเหมือนกัน
ถึงจะเริ่มอิ่มกันแล้ว แต่อาหารก็ยังมาเสิร์ฟไม่ยั้งค่ะ เรามาต่อกันที่สปาเก็ตตี้เสิร์ฟเป็นจานกลาง 2 ชนิด อย่างแรกสปาเก๊ตตี้มีทบอล สารภาพว่าไม่ได้ทานค่ะ สละสิทธิ์ ^^" ไม่ไหวแย้ว ดูรูปไปเนอะ
สปาเก็ตตี้ไม่น้อยนะคะ จานมันใหญ่ |
อีกอย่างนึงคือสปาเก็ตตี้ซีฟู๊ดซอสมะเขือเทศค่ะ บางทีพวกซอสมะเขือเทศนี่จะเลี่ยนนิดหน่อย แต่ร้านนี้ทำแบบเผ็ดค่ะ ไม่เลี่ยนแน่นอน เผ็ดไม่จัดมากเด่นพอๆกับรสมะเขือเทศค่ะ ให้ซีฟู๊ดมาเยอะด้วยทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์
ของหวานตบท้ายค่ะ มี 2 อย่าง Blueberry Cheesecake กับ ทีรามิสุ
เริ่มที่ทีรามิสุกันก่อน ทีรามิสุเสิร์ฟมาพร้อมกาแฟค่ะ ถ้วยทีรามิสุนี่ตักลงไปจะเจอครีมก่อนเลย ครีมอร่อยดีค่ะ แต่พอลงไปเกือบๆจะถึงก้นถ้วยจะเจอเนื้อเค้กบางๆที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์ ไม่รู้ว่าชนิดไหนนะคะ พอดีเราไม่ดื่มแอลฯเลย (ณ จุดนี้คนที่ไม่ดื่มแอลฯ จะหน้าเปลี่ยนสีทันที อิอิ ทานต่อไม่ได้ค่ะ วางช้อนๆ ขอแลกอีกจานจากแฟนมา) ส่วนกาแฟที่เสิร์ฟมาคู่กันนี่ก็มีแอลกอฮอล์นะ รสชาติเหมือนลูกอมโกปีโก้เข้มๆใส่แอลฯ ด้านล่างมีวุ้นกาแฟที่รสอ่อนกว่าใส่อยู่ค่ะ ทานด้วยกันจะอร่อยที่สุด (ตามคำบอกเล่าของแฟน ลืมบอกกาแฟเราก็ไม่ดื่มค่ะ)
สุดท้ายแล้วค่ะ Blueberry Cheesecake ตัวชีสคือก้อนขาวๆที่อยู่ด้านข้างค่ะ เค็มๆไม่มีรสเปรี้ยว ส่วนบลูเบอร์รี่เค้กรสอ่อนไม่หวานมากค่ะ เราชอบให้เค้กเปรี้ยวกว่านี้และเบากว่านี้ค่ะ สำหรับจานนี้รู้สึกเฉยๆ
รวมๆแล้วประทับใจมากกับทั้งอาหารและบรรยากาศของร้านนี้ค่ะ นั่งสบาย ดนตรีเพราะ อาหารพรีเซนต์ออกมาสวยงาม เรียกว่ามีความสุขตั้งแต่ยังไม่ได้ทานเลย รสชาติก็อร่อยด้วยวัตุดิบที่คัดมาอย่างดีโดยเฉพาะจานเนื้อกับฟัวกราส์นี่คือที่สุดแล้วของวันนี้ค่ะ
ใครกำลังมองหาที่ๆจะใช้เวลาด้วยกันได้ทั้งครอบครัวลองมาที่โพธาลัยได้ค่ะ ทำกิจกรรม สปา นวด ฟิตเนส กอล์ฟ แล้วมาจบที่ร้าน Birdie 'n Courtyard นี้พร้อมดูโชว์น้ำพุ รับรองว่าจะเป็นหนึ่งวันฟินๆเลยค่ะ
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 12:00 - 23:59การเดินทางสู่ห้องอาหารฟิวชั่น Birdie 'n Courtyard โพธาลัยเลเชอร์ปาร์ค :
โพธาลัยอยู่ฝั่งตรงข้าม Crystal park หากมาจากเกษตรนวมินทร์ เลี้ยวขวาเข้าถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยโยธินพัฒนา 3 (สังเกตุมองเข้าไปในซอยจะเห็นปั้มบางจาก) เข้าไปตามทางนิดเดียวจะเห็นป้ายโพธาลัย
ร้าน Birdie 'n Courtyard จะอยู่โซนกอล์ฟด้านในของโพธาลัยเลเชอร์ปาร์ค
ดูรีวิวอื่นๆของร้านได้ที่ Wongnai
ติดตามรีวิวอาหารในวงในของเราได้ที่ user : Rabbit on the spoon เช่นกันนะคะ ^^
ขอปิดท้ายรีวิวหนนี้ด้วยรูปน้ำพุที่ฉายคำว่า " Wongnai " นะคะ
ขอบคุณวงในและโพธาลัยที่ให้โอกาสมาลองประสบการณ์ดีๆครั้งนี้ค่ะ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น